ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System คือ ระบบที่ใช้ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้าให้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกระบวนการต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การรับเข้าสินค้า การจัดเก็บ การเลือกสินค้า และการจัดส่ง

ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System คืออะไร มีประโยชน์ยังไงกับธุรกิจ?

ยุคที่ธุรกิจต้องมีการแข่งขันกันสูง ใครเร็วก็รอด ใครปรับไม่ทันก็ร่วง ด้วยการขยายตัวของตลาดออนไลน์ กับพฤติกรรมของสังคมปัจจุบัน การจับจ่ายใช้สอยที่นิยมสั่งซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นทุกวัน การแข่งขันเริ่มทวีคูณเป็นวงกว้าง ระบบ WMS จึงเข้ามาเป็นแกนกลางหลักในการบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าคลังสินค้าเปรียบเสมือนหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรม หรืออีคอมเมิร์ซ การจัดการสินค้าคงคลังที่รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า ต้นทุนในการดำเนินงาน ชื่อเสียงภาพลักษณ์ของแบรนด์ และความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ

สำหรับประโยชน์ของระบบ WMS ถือว่าเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะช่วยจัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ ติดตามสินค้าทุกชิ้นอย่างแม่นยำ สามารถลดความผิดพลาดในการจัดการสต็อก บอกสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงในการขาดแคลน หรือสินค้าล้นคลัง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะทำให้ทีมงานสามารถหยิบสินค้าหรือจัดส่งได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเยอะ ดังนั้นบทความนี้จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับ Warehouse Management System (WMS) กันครับว่าคืออะไร แล้วมีประโยชน์ยังไงกับธุรกิจ

ระบบ WMS คืออะไร

ระบบ WMS หรือ Warehouse Management System คือ ระบบที่ใช้ช่วยบริหารจัดการคลังสินค้าให้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกระบวนการต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การรับเข้าสินค้า การจัดเก็บ การเลือกสินค้า และการจัดส่ง นอกจากนี้ระบบ WMS ยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการทำงานแบบ manual เช่น หยิบของผิด ข้อมูลสต็อกไม่ตรง หรือการส่งของล่าช้า ใครที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ โรงงานผลิต หรือโลจิสติกส์

หากอธิบายง่าย ๆ อยากให้ลองนึกภาพว่าคุณมีคลังสินค้าที่เต็มไปด้วยของนับพันรายการ แล้วต้องคอยเช็กว่าของอยู่ตรงไหน สต็อกเหลือเท่าไหร่ หรือออเดอร์ไหนต้องส่งก่อน ก็คงจะวุ่นวายไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่หมดไปเมื่อนำระบบ WMS จะเข้ามาช่วยดูแลทั้งหมดนี้ให้นั่นเองครับ เปรียบเสมือนผู้ช่วยมืออาชีพที่ทำงานได้ 24 ชั่วโมง โดยระบบจะช่วยจัดการจัดเก็บสินค้าในตำแหน่งที่เหมาะสม การหยิบสินค้าออกไปแพ็ค และส่งมอบให้ลูกค้าแบบรวดเร็ว และแม่นยำนั่นเองครับ

การใช้งานระบบ WMS เหมาะกับคลังสินค้าแบบไหน ? 

การนำระบบ WMS มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ แน่นอนว่าเป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่น สามารถนำมาใช้ได้กับคลังสินค้าทุกแบบ และทุกขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปถึงขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยการนำมาใช้กับคลังสินค้าขนาดเล็ก อย่างร้านค้าออนไลน์ ก็จะช่วยให้การจัดเก็บและหยิบสินค้าเป็นระบบมากขึ้น ลดความผิดพลาดในการแพ็คสินค้าส่งลูกค้า การใช้กับคลังสินค้าขนาดกลางก็สามารถบริหารจัดการหลายสาขา จัดการสต็อกรวมง่ายขึ้น ส่วนคลังสินค้าขนาดใหญ่ระดับโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปจำนวนมาก ก็หายห่วงได้ครับ เพราะระบบนี้สามารถรองรับกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนได้เช่นกันครับ

ระบบ WMS สามารถนำมาใช้ได้กับคลังสินค้าทุกแบบ และทุกขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปถึงขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยการนำมาใช้กับคลังสินค้าขนาดเล็ก อย่างร้านค้าออนไลน์ ก็จะช่วยให้การจัดเก็บและหยิบสินค้าเป็นระบบมากขึ้น ลดความผิดพลาดในการแพ็คสินค้าส่งลูกค้า

3 ระบบหลักที่จำเป็นใน WMS

ระบบ WMS ประกอบไปด้วยหลายระบบย่อยที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้การบริหารจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแบ่งระบบ WMS ออกเป็น 3 ส่วนหลักที่ถือว่าจำเป็นและเป็นพื้นฐานสำคัญ ดังนี้

  • การรับสินค้า (Receiving)  

ระบบจะดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาในคลัง ว่าตรงตามใบสั่งซื้อหรือไม่ การนับจำนวนสินค้า การตรวจสอบคุณภาพสินค้า และการบันทึกข้อมูลสินค้าเข้าสู่ระบบ WMS ที่เป็นการเริ่มติดตามข้อมูลสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์ ด้วยการสแกนบาร์โค้ดหรือ RFID เพื่อบันทึกข้อมูลสินค้า ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าเทียบกับใบสั่งซื้อ ให้มีการกำหนดตำแหน่งจัดเก็บสินค้า และบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบ WMS นั่นเองครับ 

  • การจัดเก็บสินค้า (Storage) 

ระบบจะจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า โดยจะกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับสินค้าแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงและหยิบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการค้นหา โดยระบบจะกำหนดโซนจัดเก็บสินค้าตามประเภทและขนาด และก็ทำการบันทึกตำแหน่งสินค้าในระบบ WMS เพื่อควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังเพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน

  • การส่งมอบสินค้า (Delivery)

การการส่งมอบสินค้า เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดในกระบวนการจัดการคลังสินค้า โดยระบบ WMS จะเข้ามาช่วยดูแลกระบวนการหยิบสินค้าตามใบสั่งซื้อ การแพ็คสินค้า และการเตรียมสินค้าสำหรับการจัดส่ง และตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนการแพ็ค พร้อมสร้างเอกสารประกอบการจัดส่ง โดยสินค้าที่แพ็คและเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะถูกส่งมอบให้กับบริษัทขนส่ง หรือจัดส่งโดยรถของบริษัทเอง ระบบ WMS จะเริ่มติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า และแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์

Warehouse Management System สามารถช่วยผู้ประกอบการในด้านใดได้บ้าง?

ถ้าพูดถึงการจัดการคลังสินค้าในยุคนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักระบบ WMS ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหัวใจหลักในการดูแลคลังสินค้าให้กับเหล่าผู้ประกอบการอยู่แล้วครับ แน่นอนว่าช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุด เป็นการช่วยพลิกวิธีการทำงานของผู้ประกอบการในหลาย ๆ ด้านให้คลังสินค้าเป็นระเบียบขึ้น อำนวยความสะดวกให้ทำงานง่ายขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการทำงาน และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ด้วย

ไม่ว่าจะต้องจัดการสินค้าหลายประเภท หรือมีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมากแค่ไหนในแต่ละวัน WMS ก็สามารถช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จัดการสต็อกสินค้า ลดข้อผิดพลาดในการหยิบหรือจัดส่งสินค้า รวมถึงการใช้พื้นที่คลังให้คุ้มค่ามากที่สุด อีกทั้งยังสามารถให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อตัดสินใจและวางแผนได้ทันที ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นระบบนี้ก็สามารถขยายตัวได้ตามความต้องการ ทำให้การจัดการธุรกิจคล่องตัวในระยะยาวครับ สรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ระบบจะบันทึกตำแหน่งที่จัดเก็บสินค้า ทำให้การค้นหาสินค้าทำได้รวดเร็วขึ้น เพิ่มความเร็วในการหยิบสินค้า ลดเวลาในการค้นหาสินค้า ลดความผิดพลาดในการทำงาน
  • ช่วยลดต้นทุน การจัดสรรพื้นที่จัดเก็บสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดพื้นที่ว่างเปล่า ลดต้นทุนในการจัดการสินค้าคงคลัง และลดต้นทุนในการขนส่งด้วยการวางแผนการขนส่ง
  • เพิ่มความแม่นยำ ลดความผิดพลาดในการนับสินค้า ลดความผิดพลาดในการจัดส่งสินค้า เพราะระบบจะตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนการจัดส่ง ช่วยลดความผิดพลาดในการส่งสินค้าผิดรายการหรือผิดจำนวน
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ระบบจะช่วยให้สามารถจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ตรงตามเวลาที่กำหนด ได้รับสินค้าตรงตามที่สั่ง แจ้งสถานะการจัดส่งอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์
  • ช่วยในการตัดสินใจ ระบบจะรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสินค้า คลังสินค้า และการดำเนินงาน เพื่อนำไปวิเคราะห์และใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ วางแผนการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ระบบ WMS เหมาะกับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค หรือสินค้าที่ต้องอยู่ในห้องเย็นเป็นต้น

ใครที่ควรใช้ระบบ Warehouse Management System 

หากกำลังตัดสินใจที่จะใช้ระบบ WMS คุณคิดถูกแล้วครับ เพราะระบบนี้เหมาะสำหรับทุกธุรกิจ ไม่เพียงแค่ธุรกิจกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ระบบนี้เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ที่ต้องการลดข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน สามารถจัดการได้ทั้งธุรกิจที่มีคลังสินค้าเพียงแห่งเดียว หรือหลายแห่งในเครือข่ายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค หรือสินค้าที่ต้องอยู่ในห้องเย็นเป็นต้น มาดูกันว่าใครบ้างที่ควรใช้ระบบ Warehouse Management System กันครับ

  • ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 

สำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ ทุกขนาดที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลัง ตั้งแต่การรับเข้า การจัดเรียง ไปจนถึงการแพ็คสินค้าส่งออก ให้งานเป็นไปตามที่กำหนด โดยลดโอกาสผิดพลาดให้ได้มากที่สุด 

  • ธุรกิจที่มีการจัดส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก

การใช้ระบบนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วในการหยิบสินค้าตามคำสั่งซื้อ และปรับการจัดส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีการรับออเดอร์จำนวนมาก

  • ธุรกิจที่มีสินค้าหลายประเภทและหลากหลายหมวดหมู่

 ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าหลายประเภท เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจเครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม ระบบจะช่วยจัดเก็บสินค้าตามประเภทหรือหมวดหมู่ ลดความผิดพลาดในการหยิบสินค้าได้เป็นอย่างดี

  • ธุรกิจที่ต้องการติดตามสินค้าตลอดเวลา (Real-Time Tracking)

การติดตามสถานะของสินค้าในคลังได้แบบเรียลไทม์ และปรับการทำงานได้ทันที เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการมองเห็นข้อมูลสต็อกแบบทันที เช่น ธุรกิจที่มีหลายสาขา หรือหลายคลังสินค้าทั่วประเทศ

  • ธุรกิจที่ต้องการการจัดการสินค้าที่มีวันหมดอายุ (Perishable Goods)

ระบบจะช่วยจัดการสินค้าที่มีวันหมดอายุ เช่น การจัดการสินค้าด้วยระบบ FIFO (First In, First Out) เพื่อให้สินค้าเก่าถูกหยิบก่อน เหมาะกับธุรกิจอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายอาหารสด หรือผลิตภัณฑ์ยา

  •  ธุรกิจที่มีคลังสินค้าหลายแห่ง

ระบบสามารถจัดการคลังสินค้าหลายแห่งไว้ในระบบเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกคลังเข้าด้วยกัน ทำให้ง่ายต่อการจัดการ

  • ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนการดำเนินงาน 

กำไรเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ด้วยการวางแผนที่ดี ใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดความสูญเสียจากการจัดเก็บ และการหยิบสินค้าที่ไม่ถูกต้องได้เยอะมากครับ 

ระบบ WMS และ TMS ช่วยยกระดับการบริหารคลังสินค้าและโลจิสติกส์

สุดยอดระบบที่สร้างมาเพื่อธุรกิจอย่างระบบ WMS (Warehouse Management System) และ TMS (Transportation Management System) เป็นระบบที่ทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับในการบริหารจัดการคลังสินค้า และกระบวนการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น อยากให้ลองนึกภาพว่าธุรกิจที่มีคลังสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีสินค้าหลากหลายชนิด การจัดการสินค้าคงคลัง การเลือกสินค้า และการจัดส่งให้ตรงเวลาอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากใช่ไหมครับ แต่ด้วย WMS และ TMS นี่เองที่จะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้นนั่นเองครับ 

ระบบ WMS (Warehouse Management System) เป็นเหมือนมันสมองของคลังสินค้า ช่วยในการจัดการทุกขั้นตอนตั้งแต่รับสินค้าเข้า จัดเก็บสินค้า ไปจนถึงการหยิบสินค้าเพื่อจัดส่ง โดยมีฟังก์ชันหลัก ๆ คือ

  • การจัดเก็บสินค้า กำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บสินค้าแต่ละชนิด เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว
  • การควบคุมปริมาณสินค้า ติดตาม และควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังในแต่ละโซน เพื่อป้องกันการขาดแคลน หรือมีสินค้าคงคลังส่วนเกิน
  • การหยิบสินค้า สร้างเส้นทางการหยิบสินค้าที่สั้นที่สุด เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน
  • การตรวจสอบสินค้า ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าก่อนการจัดส่ง เพื่อลดความผิดพลาด

ระบบ TMS (Transportation Management System) สุดยอดระบบบริหารจัดการการขนส่ง ช่วยวางแผน และควบคุมการขนส่งสินค้า โดยเชื่อมโยงกับ WMS เพื่อให้ข้อมูลการจัดส่งสินค้ามีความแม่นยำมากขึ้น โดยมีฟังก์ชันหลัก ๆ คือ 

  • การวางแผนเส้นทาง คำนวณเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมที่สุด ลดต้นทุน และเวลาในการขนส่ง
  • การจัดสรรของรถขนส่ง ให้เหมาะสมกับปริมาณ และชนิดของสินค้า โดยไม่ให้รถวิ่งเสียเที่ยว
  • การติดตามสถานะการขนส่ง ติดตามสถานะการขนส่งสินค้าในแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าระบบ

แน่นอนว่าการใช้ทั้งสองระบบนี้ร่วมกันเป็นการโคจรที่แสนลงตัว ราวกันคู่หูที่สร้างมาเพื่อทำงานร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และปรับปรุงการบริการลูกค้า เพื่อให้แบรนด์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นการลงทุนในระบบ WMS และ TMS ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ

ระบบ WMS และ TMS ช่วยยกระดับการบริหารคลังสินค้าและโลจิสติกส์ เป็นระบบที่ทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับในการบริหารจัดการคลังสินค้า และกระบวนการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น

ระบบ TMS จาก 360TECHX

ระบบการบริหารจัดการขนส่ง Transport Management System หรือ TMS คือ ระบบซอฟต์แวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความแม่นยำ เปรียบเสมือนสมองกล ที่คอยควบคุม และวางแผนจัดการขนส่งทั้งหมดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การรับคำสั่งขนส่ง การวางแผนเส้นทาง  การมอบหมายงานให้คนขับด้วยการจัดตารางการขนส่ง การติดตามสถานะการขนส่งพัสดุแบบเรียลไทม์ จนถึงการจัดการคลังสินค้า การคำนวณต้นทุนการขนส่ง และบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น รายรับและรายจ่าย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ครบ จบ สะดวกเลยครับ ขออธิบายให้เข้าใจถึงประโยชน์แบบเข้าใจง่ายกันครับ

  • การบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management) รู้จำนวนสินค้าคงคลังในแต่ละรายการ ทำให้ควบคุมสต็อกสินค้าได้ง่าย จัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ ลดความผิดพลาดในการจัดส่ง
  • การวางแผนเส้นทางอัจฉริยะ (Smart Routing) ระบบจะคำนวณเส้นทางที่สั้นที่สุด หลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ ลดต้นทุนเชื้อเพลิง
  • การจัดการตารางรถ (Fleet Management) การจัดตารางการทำงานของรถให้เหมาะสมกับงานขนส่งแต่ละประเภท ลดความเสื่อมของรถ ลดเวลาที่รถต้องรอ 
  • การติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ (Real-time Tracking) ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ ตรวจสอบเส้นทางและตำแหน่งของสินค้าได้ตลอดเวลา 
  • การรายงาน (Reporting) วิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการสร้างรายงานต่าง ๆ เช่น รายงานค่าใช้จ่าย รายงานประสิทธิภาพของพนักงานขับรถ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจทำงานได้ดีขึ้น
  • การจัดการค่าใช้จ่าย (Cost Management) สร้างรายงานค่าใช้จ่ายเพื่อนำไปวิเคราะห์ และปรับปรุงการทำงาน โดยนำข้อมูลมาคำนวณอย่างละเอียด เช่น ค่าเชื้อเพลิง ค่าทางด่วน ค่าจ้างคนขับ เพื่อหาแนวทางในการลดต้นทุน 

การใช้ ระบบ TMS (Transportation Management System) เข้ามาช่วยจะทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเส้นทางขนส่ง การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ หรือการคำนวณต้นทุนการขนส่งให้คุ้มที่สุด แถมยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการจัดการด้วยคน นอกจากจะทำให้การขนส่งเร็วขึ้นและแม่นยำแล้ว ระบบนี้ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้ธุรกิจพร้อมแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้ได้อย่างสบายครับ

360TECHX” เครื่องมือที่ใช้งานง่าย แต่ทรงพลัง ช่วยให้ธุรกิจขนส่งสามารถบริหารจัดการงานขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ บริหารจัดการข้อมูล งานขนส่งครบ จบในระบบเดียว วางแผนและจัดการบริการงานขนส่ง สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ รองรับกระบวนการทำงานระบบ ERP ชั้นนำระดับโลก โดยปรับแต่งระบบ (CUSTOMIZATION) ให้เหมาะสมกับธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่พลาดฟีเจอร์สำคัญ และบริการใหม่ ๆ เชื่อมต่อการขนส่งธุรกิจกับโลกภายนอกอย่างไร้รอยต่อ ช่วยออกแบบระบบ และกระบวนการทำงานเป็นมาตรฐาน บริหารจัดการ ECOSYSTEM การขนส่งของคุณแบบออนไลน์ 100% รองรับการใช้งานร่วมกับ 360TRUCK เริ่มต้นเพียงแค่ 29,990 บาทต่อเดือนเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีคุณภาพ ทีมงานยินดีให้บริการด้วยใจ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า