ในยุคปัจจุบันที่ปัญหาสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ทั้งบุคคลและธุรกิจต้องให้ความสำคัญ หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยวัดและจัดการกับผลกระทบนี้คือ Carbon Footprint หรือ “รอยเท้าคาร์บอน” ซึ่งหมายถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ อันเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศต่างๆ เป็นอย่างมาก ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Carbon Footprint ว่าคืออะไรและธุรกิจจะสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาและเสริมสร้างความยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง
Carbon Footprint คืออะไร
Carbon Footprint (คาร์บอนฟุตพริ้นท์) คือ การวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคล องค์กร หรือธุรกิจ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะรวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงาน การเดินทาง การผลิตสินค้า และการบริการ
การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินและรับรู้ถึงผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินการต่าง ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาวได้ โดยก๊าซเรือนกระจกที่นำมาพิจารณามีอยู่ 7 ตัวด้วยกัน คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ก๊าซมีเทน, ก๊าซไนตรัสออกไซด์, กลุ่มก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน, กลุ่มก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน, ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ และก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ ซึ่งก๊าซแต่ละชนิดจะมีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อนแตกต่างกันไป
Carbon Footprint ในธุรกิจขนส่ง
ถ้าพูดถึงธุรกิจขนส่งสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการใช้พลังงาน เช่น น้ำมันดีเซลและเบนซินในรถบรรทุก หรือการใช้ไฟฟ้าในศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม
ในยุคที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธุรกิจขนส่งเองก็ต้องปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทางเลือก เช่น รถยนต์ไฟฟ้า การเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางเดินรถ หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์การใช้พลังงานให้คุ้มค่าที่สุด
ทำไมธุรกิจขนส่งควรหันมาวัดค่า Carbon Footprint
การวัดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ กำลังกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจขนส่งในยุคปัจจุบัน เหตุผลสำคัญที่ธุรกิจขนส่งควรหันมาวัดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์มีดังนี้ครับ
- ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ธุรกิจสามารถระบุจุดที่ใช้พลังงานมากเกินไปและหาวิธีปรับปรุง เช่น การเลือกเส้นทางที่มีประสิทธิภาพหรือการใช้รถที่ประหยัดพลังงาน ระบุจุดที่ต้องปรับปรุง ลดการใช้พลังงาน
- เพิ่มโอกาสในการแข่งขันและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพราะปัจจุบันผู้บริโภคและคู่ค้าจำนวนมากให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธุรกิจขนส่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจะได้เปรียบในการแข่งขันและมีโอกาสร่วมงานกับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance)
- ลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและค่าปรับในอนาคต ในหลายประเทศเริ่มใช้มาตรการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นโควตาการปล่อยคาร์บอน หรือภาษีคาร์บอน การมีข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนปรับกลยุทธ์รอรับมือได้ล่วงหน้า ลดความเสี่ยงทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
- พัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืน ธุรกิจที่มีข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์สามารถใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง เช่น การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ การเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือก หรือการพัฒนาเส้นทางขนส่งที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ทำให้ธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ
วิธีการวัดค่า Carbon Footprint ในธุรกิจขนส่ง
การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ธุรกิจขนส่งปล่อยออกมาเป็นขั้นตอนสำคัญที่ซับซ้อน แต่มีความสำคัญในการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้หลักการคำนวณจากแหล่งที่มาของการปล่อยมลพิษ และแปลงค่าเป็นปริมาณ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) โดยทั่วไปธุรกิจขนส่งสามารถวัดค่า Carbon Footprint ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ
1.กำหนดขอบเขตของการวัด ด้วยประเภทของการขนส่งว่าต้องการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของการขนส่งประเภทใด เช่น การขนส่งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ หรือทางรถไฟ จากนั้นจึงระบุว่าต้องการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกิจกรรมใดบ้าง เช่น การใช้พลังงานของยานพาหนะ การจัดการคลังสินค้า หรือการเดินทางของพนักงาน และกำหนดช่วงเวลาที่ต้องการวัด ทั้งรายเดือน รายปี หรือตลอดอายุโครงการ
2.เก็บรวบรวมข้อมูล ในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์
- ข้อมูลการใช้พลังงาน : รวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานของยานพาหนะ เช่น ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง หรือปริมาณการใช้ไฟฟ้า
- ข้อมูลระยะทางและปริมาณการขนส่ง : รวบรวมข้อมูลระยะทางที่ยานพาหนะวิ่ง และปริมาณสินค้าที่ขนส่ง
- ข้อมูลอื่นๆ : รวบรวมข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลการใช้พลังงานในอาคาร ข้อมูลการจัดการของเสีย หรือข้อมูลการเดินทางของพนักงาน
3.คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำข้อมูลการใช้พลังงานและข้อมูลอื่นๆ ที่รวบรวมได้ มาคูณกับค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสม ค่าสัมประสิทธิ์นี้จะแตกต่างกันไปตามประเภทของพลังงานและกิจกรรม โดยใช้ Emission Factor (EF) หรือ “ค่าสัมประสิทธิ์การปล่อย” ที่กำหนดโดยองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม
4.วิเคราะห์และประเมินผล นำผลการวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาวิเคราะห์และประเมิน เพื่อหาจุดที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด แล้วจึงมาเปรียบเทียบผลการวัดกับเกณฑ์มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินว่าธุรกิจของคุณมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับใด
5.รายงานและนำไปใช้ในการปรับปรุงธุรกิจ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการสื่อสารกับลูกค้า พนักงาน หรือนักลงทุน ให้ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ปรับเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก (EV, ไฮบริด) หรือการปรับปรุงเส้นทางขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ลดระยะทางที่ไม่จำเป็น
Green Logistics คืออะไร
ทุกวันนี้ธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่ง เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้เชื้อเพลิงจากบรรจุภัณฑ์ หรือพลังงานที่ใช้ในกระบวนการกระจายสินค้า ด้วยแนวโน้มของโลกที่มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืนด้วย Green Logistics หรือ โลจิสติกส์สีเขียว
Green Logistics หรือ โลจิสติกส์สีเขียว คือ แนวคิดและกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกขั้นตอนของการขนส่งและการจัดการสินค้า ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับการดูแลโลก
ประโยชน์ของการเป็น Green Logistics
การนำแนวคิด Green Logistics หรือ โลจิสติกส์สีเขียว มาใช้ในธุรกิจ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังให้ประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งในแง่ของต้นทุน ประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์องค์กร มาดูกันว่าธุรกิจจะได้อะไรจากการเป็น Green Logistics กันบ้างครับ
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษ และของเสีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ลดขยะจากบรรจุภัณฑ์โดยการเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ในคลังสินค้า
- ลดต้นทุน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการคำนวณเส้นทางขนส่ง การจัดการของเสียอย่างถูกต้อง การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการนำยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ามาช่วยลดค่าต้นทุนในการดำเนินงานในระยะยาว
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดี การดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร และดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน องค์กรที่ดำเนินงานตามแนวคิด Green Logistics มักมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
- สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ การดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
- มาช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาว ลดความเสี่ยงด้านค่าปรับหรือข้อจำกัดทางการค้าจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบที่อาจเข้มงวดขึ้นในอนาคต
การใช้ระบบ TMS ช่วยลด Carbon Footprint
การใช้ระบบ TMS (Transportation Management System) หรือระบบบริหารจัดการการขนส่ง สามารถช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในธุรกิจขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ เพราะระบบ TMS มีฟังก์ชันและเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการและวางแผนการขนส่ง ส่งผลดีต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นระบบ TMS ยังช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ดังนี้ครับ
- ลดต้นทุนการขนส่ง
ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน เพราะการวางแผนเส้นทางที่ดีจะช่วยลดระยะทางที่ไม่จำเป็นและลดเวลาในการขนส่ง ทำให้ประหยัดค่าน้ำมันที่ใช้ การติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า ทำให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายได้หลายส่วนเลยครับ
- ลดการขนส่งเที่ยวเปล่า
ระบบสามารถบริหารจัดการเที่ยวรถขากลับให้มีสินค้าเต็มคัน โดยคำนวณปริมาณสินค้าที่เหมาะสมกับขนาดของยานพาหนะ ลดการเดินทางเปล่า เพื่อเป็นการลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงให้น้อยที่สุด และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง
- การลดการใช้เอกสาร
ระบบ TMS ช่วยลดการใช้เอกสารในการขนส่ง โดยเปลี่ยนมาใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การลดการใช้เอกสารช่วยลดการใช้กระดาษ ซึ่งเป็นการช่วยลดการทำลายป่าไม้และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การบริหารจัดการคลังสินค้า
ควบคุมสต็อกสินค้า จัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ เพื่อช่วยลดความผิดพลาดในการจัดส่ง การจัดส่งซ้ำซ้อน หรือการจัดส่งที่เสียเที่ยว
- วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น
ควบคุมการขนส่งจากคลังสินค้าไปยังปลายทาง ทำให้การจัดการสินค้าคงคลังเป็นไปอย่างแม่นยำ และยังช่วยเก็บข้อมูลทุกขั้นตอนของกระบวนการขนส่งในรูปแบบที่พร้อมสำหรับการวิเคราะห์
ระบบ TMS จาก 360TECHX
ระบบ TMS จาก “360TECHX” เครื่องมือที่ใช้งานง่าย แต่ทรงพลัง เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจขนส่งสามารถบริหารจัดการงานขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ บริหารจัดการข้อมูล งานขนส่งครบ จบในระบบเดียว วางแผนและจัดการบริการงานขนส่ง สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ รองรับกระบวนการทำงานระบบ ERP ชั้นนำระดับโลก โดยปรับแต่งระบบ (CUSTOMIZATION) ให้เหมาะสมกับธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่พลาดฟีเจอร์สำคัญ และบริการใหม่ ๆ เชื่อมต่อการขนส่งธุรกิจกับโลกภายนอกอย่างไร้รอยต่อ ช่วยออกแบบระบบ และกระบวนการทำงานเป็นมาตรฐาน บริหารจัดการ ECOSYSTEM การขนส่งของคุณแบบออนไลน์ 100% รองรับการใช้งานร่วมกับ 360TRUCK เริ่มต้นเพียงแค่ 29,990 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ด้วยการการจัดการออเดอร์และงานขนส่ง ที่รองรับรูปแบบการขนส่งที่หลากหลาย เช่น การขนส่งเต็มคันรถ (FTL) การขนส่งแบบรวมเที่ยว (LTL) และการขนส่งแบบล็อตขนาดใหญ่ พร้อมทั้งประหยัดเวลาและเชื้อเพลิง ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และสามารถติดตามสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน ลดขั้นตอนในการเตรียมเอกสารในการจัดส่งสินค้า
ไม่ว่าคุณจะเป็นบริษัทขนส่ง ธุรกิจค้าปลีก หรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ ถ้าต้องส่งของเป็นประจำ TMS จะช่วยให้ทุกอย่างลื่นไหลขึ้น จัดส่งได้แม่นยำ ตรงเวลา และที่สำคัญคือ ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนแบบสุด ๆ ระบบจัดการขนส่งที่ช่วยให้การวางแผน ควบคุม และติดตามการขนส่งเป็นเรื่องง่ายขึ้น เปลี่ยนวิธีบริหารงานขนส่งให้ทันสมัยขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น “360TECHX” เหมาะสำหรับการส่งสินค้าขนาดจำนวนมาก ผ่านรถบรรทุก โดยสามารถรองรับรถบรรทุกทุกประเภท ทั้ง 4 ล้อ, 6 ล้อ และรถเทรลเลอร์ โดย 360TECHX TMS รองรับการการบริหารรถบรรทุก ทุกประเภทรถอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาระบบ TMS ที่ดีและน่าเชื่อถือ 360TECHX เป็นตัวเลือกที่มีคุณภาพ ทีมงานยินดีให้บริการด้วยใจ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาครับ