เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ “Green Logistics” หนึ่งในเทรนด์อุตสาหกรรมที่น่าจับตามองของปี ในยุคที่หลายธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญ เริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การทำธุรกิจก็ไม่ควรมองข้าม ต้องปรับตัวให้ทันโลกเช่นกันครับ โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ที่มีการขนส่งสินค้า และการจัดการคลังสินค้าต่าง ๆ ที่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากพอสมควร Green Logistics จึงกลายเป็นแนวทางที่หลายธุรกิจนำมาใช้ เพื่อไม่เพียงแค่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน แต่ยังช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดต้นทุน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้อีกด้วย และเพิ่มประสิทธิภาพได้อีกด้วย สำหรับใครทำกำลังสงสัยว่า green logistics คืออะไร แล้วจะช่วยธุรกิจให้ดีขึ้นได้ยังไง ดังนั้นวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักแบบเจาะลึกฉบับอัพเดท 2025 กันครับ
Green Logistics คืออะไร
โลจิสติกส์สีเขียว หรือ Green Logistics คือ การบริหารจัดการกระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษทางอากาศ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน และการลดปริมาณขยะ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า และสังคมมากขึ้น เพราะยุคปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้อีกด้วย
ประโยชน์ของ Green Logistics
โลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) นอกจากจะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย ที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากขึ้น เริ่มจากการลดต้นทุน ด้วยการเลือกใช้เส้นทางอย่างชาญฉลาด ให้เหมาะสมกับการจัดส่ง หรือการใช้ยานพาหนะที่ประหยัดพลังงาน ช่วยให้ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในด้านน้ำมัน และบำรุงรักษา อีกทั้งยัง สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและอยากสนับสนุนแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนั้นการใช้ Green Logistics ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการลดมลพิษ และยังช่วยให้การขนส่งมีความ ยั่งยืน ในระยะยาว คุ้มค่า และได้ผลดีทั้งต่อธุรกิจ และโลกใบนี้นั่นเองครับ สรุปให้เข้าใจมากขึ้น ดังนี้ครับ
- ส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ Green Logistics จะมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณชนและลูกค้า เป็นการสร้างความไว้วางใจ ความพึงพอใจจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และความยั่งยืน
- ลดต้นทุน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนเส้นทางที่ลดระยะทางและเวลา และการลดปริมาณขยะ ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เกินความจำเป็น จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน
- ลดการปล่อยมลพิษ การใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม จากการขนส่งและกระบวนการโลจิสติกส์ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศ
- ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีน้ำหนักเบา และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตบรรจุภัณฑ์
- ลดปริมาณขยะ การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การคัดแยกขยะและนำกลับมาใช้ใหม่ จะช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ
- อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การเลือกเส้นทางขนส่งที่หลีกเลี่ยงพื้นที่ป่าและแหล่งน้ำ จะช่วยลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
การเป็น Green Logistics กับ การลด Carbon Footprint
Carbon Footprint หมายถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิต การบริโภค และการขนส่ง ยิ่งเรามีกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเท่าไหร่ รอยเท้าคาร์บอนของเราก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น จึงได้นำ Green Logistics เข้ามาเป็นแนวคิดในการดำเนินธุรกิจขนส่ง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เป้าหมายหลักของ Green Logistics คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้พลังงาน และลดปริมาณขยะ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด การลด Carbon Footprint หรือ รอยเท้าคาร์บอน นั่นเอง
การเป็น Green Logistics และการลด Carbon Footprint ทั้งสองแนวคิดมุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในกระบวนการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ดังนี้
- การใช้พลังงานทดแทน เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือไฮโดรเจน เพื่อขับเคลื่อนยานพาหนะขนส่ง แทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง วางแผนเส้นทางขนส่งให้สั้นที่สุด ลดจำนวนเที่ยวรถเปล่า และใช้เทคโนโลยีในการติดตามและควบคุมการขนส่ง
- การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล หรือบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
- การจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสียหายขณะขนส่ง และยังลดปริมาณขยะอีกด้วย
- การส่งเสริมการขนส่งแบบหลายรูปแบบ เช่น การขนส่งสินค้าทางรถไฟหรือทางน้ำ ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการขนส่งทางถนน
สรุปแล้ว Green Logistics และการลด Carbon Footprint เป็นแนวทางที่สำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืน การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลาน
Case Studies ของ Green Logistics
หลายท่านอาจเคยผ่านตาผ่านหูกันมาบ้างแล้วนะครับ เพราะเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน มีหลายบริษัททั่วโลกที่นำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในการดำเนินงานจริง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ มาดูตัวอย่าง Case Studies ที่น่าสนใจกันครับ
- DHL GoGreen
บริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน ได้เปิดตัวโปรแกรม DHL GoGreen ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่ง โดย DHL จะคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการจัดส่งแต่ละครั้ง และเสนอทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซ เช่น การใช้เชื้อเพลิงทดแทน หรือการเลือกเส้นทางที่สั้นขึ้น ใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก อย่างรถไฮบริดและรถไฟฟ้า สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 35% เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานที่ปฏิบัติงาน
- Amazon’s Delivery Drones
Amazon ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน เช่น ฟาร์มพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในบริการขนส่ง Amazon Delivery กำลังทดลองใช้โดรนในการส่งมอบสินค้า ซึ่งจะช่วยลดการใช้รถบรรทุก และลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ สร้างคลังสินค้าที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดพลังงาน เช่น ใช้ระบบแสงสว่าง LED และระบบจัดการพลังงานอัตโนมัติ
- IKEA’s Flat-Pack Furniture
บริษัทธุรกิจเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่สัญชาติสวีเดน เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์แบบแยกชิ้นส่วน (Flat-pack) ซึ่งช่วยลดปริมาณพื้นที่ในการขนส่ง และลดต้นทุนในการบรรจุภัณฑ์ ใช้เรือขนส่งสินค้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ พัฒนาการจัดส่งสินค้าในเขตเมืองด้วยจักรยานไฟฟ้าและรถขนส่งไฟฟ้า ใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล และลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการขนส่งลง 70% ในบางภูมิภาค เป็นการช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งในระยะยาว ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่อแพ็กเกจลง 12% ภายในปี 2025 และผลลัพธ์ที่ได้คือ
- Tesla Semi
บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล แถมยังช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย
การใช้ระบบ TMS ช่วยเข้ามาทำให้เป็น green logistics อย่างไรได้บ้าง
ระบบบริหารจัดการการขนส่ง (TMS) หรือ Transportation Management System นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยบริหารจัดการกระบวนการขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถช่วยให้ธุรกิจก้าวเข้าสู่การดำเนินงานแบบ green logistics ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองมาดูกันว่า TMS ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง
- วางแผนเส้นทางที่ชาญฉลา ลดระยะทาง ช่วยวิเคราะห์และเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการจราจรติดขัด การหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติดจะช่วยลดเวลาในการเดินทาง ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง และลดมลพิษทางอากาศ
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่ง ด้วยการจัดตารางการขนส่งที่เหมาะสมจาก TMS เพื่อจัดตารางการขนส่งให้สอดคล้องกับปริมาณสินค้าและทรัพยากรที่มีอยู่ ทำให้สามารถใช้รถบรรทุกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดจำนวนเที่ยวรถเปล่าโดยไม่จำเป็น
- การบริหารจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสูญเสียสินค้า และลดปริมาณขยะ
- ติดตามและควบคุมการขนส่งแบบเรียลไทม์ ของยานพาหนะ และสถานะของสินค้า ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
- วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของคนขับ เช่น ความเร็วในการขับขี่ การเร่งเครื่อง และการเบรก เพื่อส่งเสริมให้มีการขับขี่ที่ประหยัดเชื้อเพลิง
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการเลือกใช้ยานพาหนะที่เหมาะสมกับงานขนส่ง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ยานพาหนะที่ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ หรือรถบรรทุกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เกินความจำเป็น
- สร้างรายงานเพื่อการวิเคราะห์ โดยสร้างรายงานที่แสดงผลการดำเนินงานด้าน Green Logistics เช่น ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ประหยัดได้
- ติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทำงาน จากข้อมูลจากรายงานช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
TMS ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจก้าวสู่การเป็น Green Logistics อีกด้วย แน่นอนว่าการนำ TMS มาใช้จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความยั่งยืน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรนั่นเองครับ
ระบบ TMS จาก 360TECHX
360TECHX เป็นแพลตฟอร์มการจัดการงานขนส่ง (Transportation Management System – TMS) ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในกระบวนการโลจิสติกส์ของธุรกิจขนส่ง ระบบนี้เหมาะสำหรับทั้งองค์กรขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ดังนี้
- การจัดการงานขนส่งในระบบเดียว ระบบ TMS ของ 360TECHX ช่วยในการมอบหมางานให้คนขับ ตรวจสอบสถานะงาน และบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้บนแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การสื่อสารระหว่างเจ้าของงาน ลูกค้า รถ และคนขับเป็นไปอย่างราบรื่น
- ระบบติดตามงานและแจ้งเตือนอัตโนมัติ ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ 360TRUCKER คนขับสามารถอัปเดตสถานะการรับและจัดส่งสินค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกเชื่อมต่อกับระบบ TMS ของ 360TECHX เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับข้อมูลที่ทันสมัย
- ระบบจะทำการคำนวณน้ำมัน และสร้างเป็นคูปองส่งให้คนขับ ตามแต่ละงานขนส่งแบบอัตโนมัติ ให้คุณสามารถซื้อน้ำมันได้ล่วงหน้าพร้อมรับส่วนลดพิเศษ และจ่ายเป็นคูปองน้ำมันออนไลน์ ส่งให้คนขับรถบรรทุกของคุณ เติมได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT ทุกสาขาทั่วประเทศไทย สามารถติดตามสถานะการเติมน้ำมันได้ทันทีที่คนขับรถบรรทุกของท่านใช้คูปองเติมน้ำมัน บันทึกเป็นข้อมูล พร้อมออกใบเสร็จ ใบกำกับภาษี และคะแนนสะสมแต้ม PT Max Card ป้องกันการทุจริตได้ 100%
- การเชื่อมต่อกับระบบ ERP/WMS ชั้นนำ 360TECHX รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ ERP และ WMS ชั้นนำระดับโลก ทำให้การรับคำสั่งซื้อ การวางแผนขนส่ง และการติดตามสถานะการจัดส่งเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ
- การปรับแต่งระบบตามความต้องการ สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ 360TECHX มีบริการปรับแต่งระบบ (Customization) เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการทำงานเฉพาะของแต่ละธุรกิจ
- ตรวจเช็กค่าขนส่ง ขาเก็บ/ขาจ่าย ได้ทั้งภาพรวมและรายเที่ยว ด้วยระบบตะกร้าบิล บันทึกบิล และกระจายค่าใช้จ่ายได้สะดวก รวบรวมค่าใช้จ่ายการขนส่งเบื้องต้น คำนวณค่าเที่ยว/คนรถ ให้อัตโนมัติไม่ขาดตกบกพร่อง จัดการจ่ายเงินเดือน ค่าเที่ยวคนขับอย่างเป็นระบบ ระบบTMS ที่โปร่งใส ใส่ใจความเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัยสูง ง่ายต่อการบริหาร
- การเข้าร่วมชุมชนดิจิทัลด้านโลจิสติกส์ 360TECHX ยังเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนดิจิทัลด้านโลจิสติกส์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหารถขนส่งเพิ่มเติมผ่าน 360TRUCK และเข้าถึงคนขับรถผ่านแอปพลิเคชัน 360TRUCKER ได้อย่างง่ายดาย
- เหมาะกับธุรกิจ SME ขนส่งทุกขนาด ระบบ TMS จาก 360TECHX สามารถช่วยให้ธุรกิจจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลงทุนในระบบขนส่งที่ซับซ้อนหรือราคาแพง รวมถึงธุรกิจที่กำลังตั้งไข่ ที่มีเครือข่ายเจ้าของสินค้าเป็นจำนวนมาก เป็นตัวช่วยที่ให้คุณทำงานผ่านระบบที่ไหนก็ได้
การใช้ระบบ TMS (Transportation Management System) เข้ามาช่วยจะทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเส้นทางขนส่ง การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ หรือการคำนวณต้นทุนการขนส่งให้คุ้มที่สุด แถมยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการจัดการด้วยคน นอกจากจะทำให้การขนส่งเร็วขึ้นและแม่นยำแล้ว ระบบนี้ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้ธุรกิจพร้อมแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เปลี่ยนวิธีบริหารงานขนส่งให้ทันสมัยขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น “360TECHX” เหมาะสำหรับการส่งสินค้าขนาดจำนวนมาก ผ่านรถบรรทุก โดยสามารถรองรับรถบรรทุกทุกประเภท ทั้ง 4 ล้อ, 6 ล้อ และรถเทรลเลอร์ โดย 360TECHX TMS รองรับการการบริหารรถบรรทุก ทุกประเภทรถอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาระบบ TMS ที่ดีและน่าเชื่อถือ 360TECHX เป็นตัวเลือกที่มีคุณภาพ ทีมงานยินดีให้บริการด้วยใจ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาครับ