เทรนด์โลจิสติกส์ 2025: AI, IoT และ TMS เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างไร?

เทรนด์เทคโนโลยีในโลจิสติกส์ 2025: AI, IoT และ TMS เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างไร?

เมื่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้ก้าวเข้าสู่ 2025 ยุคที่โลกเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างก้าวกระโดด จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันและไหลไปตามเทรนด์ด้วยเช่นกัน เราอาจได้เห็นว่าวงการโลจิสติกส์ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะปีนี้ ที่เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งวงการอย่าง AI ที่เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายๆ แหล่งในเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกัน IoT ก็ได้เข้ามาช่วยทำให้การขนส่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างการทำงานกันได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามสินค้า หรือการควบคุมสินค้าผ่านจุดเซ็นเซอร์  และขณะที่ระบบ TMS ก็เป็นสมองกล คอยวางแผนจัดการข้อมูลและกระบวนการขนส่งทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ  แน่นอนว่าทั้งสามอย่างนี้มีศักยภาพในการทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับการบริการให้กับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การนำเทคโนโลยีสุดฉลาดเหล่านี้มาปรับใช้ในระบบอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จะทำให้กระบวนการโลจิสติกส์มีความรวดเร็วเหนือชั้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม่นยำขึ้น ตรวจสอบได้ง่ายขึ้นในทุกขั้นตอน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกสบายในการบริหารจัดการต่าง ๆ ลดการใช้ Manual Control ที่เกิดข้อผิดพลาดเยอะกว่า ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยไม่จำเป็น ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม แต่ยังจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทรนด์เทคโนโลยีในโลจิสติกส์ในปี 2025 กันครับว่า AI, IoT และ TMS จะสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทุกวันนี้ได้อย่างไรครับ

เทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2025

เมื่อความต้องการของโลกตลาดออนไลน์ที่มีมากขึ้น จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นการซื้อสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น สามารถเลือกซื้อสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ หลายร้านค้าได้ในทีเดียว โดยเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของสินค้าได้ทันที ทำให้ตลาดออนไลน์ยังคงเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 

เหล่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จึงไม่สามารถย่ำเท้าอยู่กับที่ได้ เพื่อให้ธุรกิจโลจิสติกส์สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นนี้จึงมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ จนล่าสุดปี 2025 เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ว่าระบบที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และปรับปรุงการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นได้มหาศาล ไม่ว่าจะเป็น AI, IoT หรือ TMS ที่เข้ามาช่วยจัดการสินค้าภายในคลัง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า มีความแม่นยำ และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์ ช่วยให้การคำนวณเส้นทางการขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถคาดการณ์ความต้องการของตลาดได้ล่วงหน้า ทำให้สามารถวางแผนการขนส่งล่วงหน้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ ดังนั้นมาดูกันว่าเทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในโลจิสติกส์ได้ยังไงบ้างครับ

  • การจัดการเส้นทางขนส่ง (Route Optimization) 

ช่วยประมวลผลข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น สภาพการจราจร สภาพอากาศ หรือแม้แต่ข้อมูลการขนส่งที่ผ่านมา ช่วยคำนวณเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้า ลดระยะเวลาการเดินทาง ช่วยลดต้นทุนด้านน้ำมัน และประหยัดเวลาในการขนส่ง

  • การตรวจสอบและติดตามสินค้า (Real-time Tracking) 

สามารถติดตามตำแหน่งของสินค้าแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายเซ็นเซอร์ ติดตามสภาพอากาศ หรือสภาพการจราจร ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการขนส่งได้ทันทีหากมีปัญหา เช่น การเปลี่ยนเส้นทาง

  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Analytics) 

ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากลูกค้า เช่น พฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับ เช่น การปรับเปลี่ยนกระบวนการขนส่งให้สะดวกและรวดเร็วขึ้นตามความต้องการของลูกค้า

  • การตรวจจับและป้องกันข้อผิดพลาด (Error Detection)

ตรวจจับข้อผิดพลาดที่เกิดจากการดำเนินงาน เช่น การจัดเรียงสินค้าในคลังที่ผิดตำแหน่ง หรือการบันทึกข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยการเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ในระบบสามารถระบุแนวโน้มที่อาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดได้ พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไข

  • การคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น (Predictive Maintenance) 

ในการขนส่งสินค้า การตรวจสอบสภาพรถบรรทุกหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งในยานพาหนะ เช่น ระดับน้ำมัน ประเภทรถขนส่ง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน โดยจากข้อมูลจะสามารถทำนายได้ว่าเมื่อไหร่ที่เครื่องจักรหรือยานพาหนะจะเกิดปัญหา และแจ้งเตือนก่อนที่จะเสียหาย

  • การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting) 

การวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่อดีต เช่น แนวโน้มการซื้อสินค้าหรือปริมาณการสั่งซื้อในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อนำมาคาดการณ์ความต้องการในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์สามารถวางแผนการจัดส่งล่วงหน้าได้ และลดการขาดแคลนหรือเกินสต็อกสินค้า

เทรนด์โลจิสติกส์ AI, IoT หรือ TMS ที่เข้ามาช่วยจัดการสินค้าภายในคลัง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับทั้งผู้ประกอบการและลูกค้า มีความแม่นยำ และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์

AI และ Machine Learning ในโลจิสติกส์ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร?

สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ AI และ Machine Learning ในมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกาทำงานและลดต้นทุน โดยเฉพาะการจัดการข้อมูลมหาศาลจากการขนส่งและคลังสินค้า ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์สามารถใช้ข้อมูลส่วนนี้ในการตัดสินใจได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น 

IoT กับการติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์

IoT (Internet of Things) หรือที่รู้จักกันว่าเป็น อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง ซึ่งใช้ในการติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนโลกของธุรกิจโลจิสติกส์เลยก็ว่าได้  เพราะแทนที่จะต้องคาดเดาว่าสินค้าไปถึงไหนแล้ว หรืออยู่ที่ไหนตอนนี้ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบข้อมูลแบบ คลาวด์ หรือ แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อทำการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และสามารถติดตามตำแหน่งของสินค้าหรือรถขนส่งได้แบบเรียลไทม์เลยนั่นเอง อธิบายง่าย ๆ คือถ้าเราเอา เซ็นเซอร์ GPS มาติดรถบรรทุกหรือพัสดุ ข้อมูลก็จะส่งกลับไปยังระบบของเราแบบทันที ทำให้เรารู้ตำแหน่งของสินค้าทุกวินาทีเลยว่าอยู่ตรงไหนบ้าง ถ้าเกิดรถติด หรือมีอะไรทำให้การขนส่งล่าช้า เราก็จะได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเราสามารถตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเส้นทาง หรือรีบจัดการแก้ปัญหาปรับเส้นทางขนส่งอัตโนมัติได้ทันที 

นอกจากการติดตามตำแหน่งแล้ว IoT ยังสามารถติดตามสภาพของสินค้าระหว่างการขนส่งได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น หรือแม้แต่การสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสินค้าบางประเภท ที่ต้องการการควบคุมสภาพแวดล้อมให้คงที่ตลอดการขนส่ง เช่น อาหารหรือยา การตรวจจับสภาพสินค้าระหว่างทาง ช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ทันทีหากมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้า

การใช้ IoT ในการติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งตำแหน่งของสินค้า สภาพการขนส่ง และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น การทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วด้วยทางออกที่ดีที่สุด ทั้งยังช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่งสินค้าอีกด้วยนั่นเองครับ

TMS อัจฉริยะ ระบบที่ช่วยบริหารจัดการเส้นทางขนส่งได้แม่นยำขึ้น

TMS (Transportation Management System) หรือ ระบบบริหารจัดการการขนส่ง เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผน ดำเนินการ และติดตามการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เป็นตัวช่วยจัดการเรื่องขนส่งสินค้าให้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า 

ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจและแม่นยำ การขนส่งก็กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ใครที่บริหารจัดการการขนส่งได้ดี ก็เหมือนถือไพ่เหนือกว่าในตลาด การใช้ระบบ TMS เข้ามาช่วยจะทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบ และง่ายขึ้น  เปรียบเสมือนสุดยอดมันสมองช่วยบริหารจัดการงานขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นราวกับอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยบริหารธุรกิจเลยก็ว่าได้ครับ 

ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ทั้งการวางแผนเส้นทาง การจัดตารางการขนส่ง การติดตามพัสดุ การบริหารจัดการคลังสินค้า ตรวจสอบรถที่พร้อมให้บริการ คำนวณเวลาในการรับสินค้าและส่งถึงผู้รับ รวมถึงการคำนวณเส้นทาง จำนวนสินค้า จำนวนรถที่ใช้ และปริมาณเชื้อเพลิง ตรวจสอบสถานะรถและสินค้าได้แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจลดต้นทุน และความยุ่งยากต่าง ๆ ในการขนส่ง นอกจากนี้ยังสามารถจัดการพนักงานขับรถได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้ไม่เพียงแต่จัดการการขนส่งสินค้า แต่ยังคำนวณค่าใช้จ่าย บริหารบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งได้อย่างแม่นยำและถูกต้อง โดยระบบจะบันทึกข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้ง่ายต่อการนำมาวิเคราะห์ และบริหารงานต่อ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรถบรรทุก วันหมดอายุทะเบียน ประกันภัย ใบอนุญาตขนส่ง และอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และข้อมูลพนักงานขับรถ ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลติดต่อ ใบอนุญาตขับขี่ รวมถึงประวัติอุบัติเหตุของคนขับอีกด้วยครับ

เทรนด์โลจิสติกส์ การใช้ IoT ในการติดตามขนส่งแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งตำแหน่งของสินค้า สภาพการขนส่ง

ระบบ TMS จาก 360TECHX 

การใช้ระบบ TMS (Transportation Management System) เข้ามาช่วย จะทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเส้นทางขนส่ง การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ หรือการคำนวณต้นทุนการขนส่งให้คุ้มที่สุด แถมยังช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการจัดการด้วยคน นอกจากจะทำให้การขนส่งเร็วขึ้นและแม่นยำแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงด้วยรากฐานที่แข็งแรง

“360TECHX” เครื่องมือที่ใช้งานง่าย แต่ทรงพลัง ช่วยให้ธุรกิจขนส่งสามารถบริหารจัดการงานขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ บริหารจัดการข้อมูล งานขนส่งครบ จบในระบบเดียว วางแผนและจัดการบริการงานขนส่ง สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ รองรับกระบวนการทำงานระบบ ERP ชั้นนำระดับโลก โดยปรับแต่งระบบ (CUSTOMIZATION) ให้เหมาะสมกับธุรกิจขนาดใหญ่ ไม่พลาดฟีเจอร์สำคัญ และบริการใหม่ ๆ เชื่อมต่อการขนส่งธุรกิจกับโลกภายนอกอย่างไร้รอยต่อ กระบวนการทำงานเป็นมาตรฐาน บริหารจัดการ ECOSYSTEM การขนส่งของคุณแบบออนไลน์ 100% รองรับการใช้งานร่วมกับ 360TRUCK เริ่มต้นเพียงแค่ 29,990 บาทต่อเดือนเท่านั้น

  • จัดการงานขนส่งทั้งหมดไว้ในระบบเดียว

ระบบ TMS จาก 360TECHX ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการทุกกระบวนการขนส่งในที่เดียว ตั้งแต่การวางแผนเส้นทางอัจฉริยะ การติดตามสถานะ ไปจนถึงการจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้อง สะดวก ไม่ยุ่งยาก ลดความซับซ้อนในการบริหารงานขนส่ง เช็คสถานะงานเป็นอย่างไร รายจ่ายกี่บาท รายได้เท่าไหร่ รู้ได้ทันที ทำงานร่วมกันในที่เดียวทั้งเจ้าของงาน ลูกค้า รถ และคนขับ

  • ตรวจเช็กค่าขนส่งได้ทั้งภาพรวมและรายเที่ยว

ระบบตะกร้าบิล บันทึกบิล และ กระจายค่าใช้จ่ายได้สะดวก คำนวณค่าเที่ยว/คนรถ ให้อัตโนมัติไม่ขาดตกบกพร่อง จัดการจ่ายเงินเดือน ค่าเที่ยวคนขับอย่างเป็นระบบ ระบบTMS ที่โปร่งใส ใส่ใจความเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัยสูง ง่ายต่อการบริหาร

  • ระบบติดตามงาน และช่วยแจ้งเตือนอัตโนมัติ

อัพเดตสถานะงานเมื่อคนขับเข้าใกล้จุด รับ/ส่งสินค้า เมื่อรถมีแนวโน้มรับ-ส่งสินค้า ช้ากว่ากำหนด ติดตามสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

  • เหมาะกับธุรกิจ SME ขนส่ง รายเล็กและรายย่อย

ระบบ TMS จาก 360TECHX สามารถช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถจัดการการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลงทุนในระบบขนส่งที่ซับซ้อนหรือราคาแพง รวมถึงธุรกิจที่กำลังตั้งไข่ ที่มีเครือข่ายเจ้าของสินค้าเป็นจำนวนมาก เป็นตัวช่วยที่ให้คุณทำงานผ่านระบบที่ไหนก็ได้ ตำแหน่งไหน ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ในระบบเดียว

แนวโน้มอนาคต: ธุรกิจโลจิสติกส์ควรปรับตัวอย่างไร?

อนาคตของธุรกิจโลจิสติกส์กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภค ความคาดหวังของลูกค้าและแบรนด์ และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ดังนั้นธุรกิจในภาคโลจิสติกส์จะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด และการเติบโตในอนาคต รวมถึงการสร้างความยั่งยืนและความยืดหยุ่นในกระบวนการขนส่ง การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้ในการบริหารจัดการเส้นทาง การติดตามสินค้า และการปรับปรุงการทำงาน ให้มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์สามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ และเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน และมั่นคงที่สุดครับ

ดังนั้นลองยกระดับวิธีบริหารงานขนส่งให้ทันสมัยขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย “360TECHX” ที่เหมาะสำหรับการส่งสินค้าขนาดจำนวนมากผ่านรถบรรทุก โดยสามารถรองรับรถบรรทุกทุกประเภท ทั้ง 4 ล้อ, 6 ล้อ และรถเทรลเลอร์ โดย 360TECHX TMS รองรับการการบริหารรถบรรทุกทุกประเภทรถ ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาระบบ TMS ที่ดีและน่าเชื่อถือ 360TECHX ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เรามีทีมงานยินดีให้บริการด้วยใจ ที่พร้อมตอบทุกคำถามอย่างเอาใจใส่ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า